ปัจจุบันกระแสการดื่มมัทฉะเพียวเป็นที่นิยมในกลุ่มของคนรักสุภาพ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่เกิดกระแสจากโซเชียลมีเดีย จากข้อมูลของการการเติบโตของมัทฉะในตลาดโลก มีมูลค่าสูงถึง 2.46 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025 และการเติบโตของมัทฉะในตลาดเอเชียแปซิฟิกเองก็มีการเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน 

 

จากกระแสความนิยมการดื่มชาและมัทฉะของคนเอเชียที่มีสัดส่วนตลาดมากที่สุด ทำให้เกิดคำถามว่า “มัทฉะ” ต่างจาก “ชาเขียว” อย่างไร 

 

มัทฉะ คือการนำใบชามาผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อหลังจากเก็บเกี่ยวแล้วนำก้านใบออก จากนั้นนำมาบดให้เป็นผงละเอียด

ส่วนชาเขียว คือการนำใบชามาผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อหลังจากเก็บเกี่ยว แล้วทำให้แห้ง เพื่อให้ได้ใบชาแห้งนำมาชง เป็นชาเขียว

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คนไทยนิยมมัทฉะสำหรับชงดื่มเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคที่ใส่ใจต่อสุขภาพ เนื่องจากในมัทฉะมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณมาก โดยเฉพาะ catechins ที่ช่วยในเรื่องของปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ

 

รวมถึง L-Theanine ที่ช่วยปรับปรุมการทำงานของสมอง บรรเทาความเครียด การนอนหลับ และช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์และจิตใจมากขึ้น

นอกจากนี้ มัทฉะ ยังได้รับความนิยมในกลุ่มของผู้บริโภคที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากมีสาร epigallocatechin gallate (EGCG) ที่ช่วยในการเร่งการเผาผลาญในร่างกาย

 

ในประเทศไทย ความนิยมของมัทฉะ สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม นั้นมีมานานมาก ทั้งเครื่องดื่มมัทฉะเพียว หรืออาจจะผสมนมลงไปเพื่อให้รับประทานได้ง่าย หรือ ผสมลงในผลิตภัณฑ์กลุ่มของหวานหรือเบเกอร์รี่ หรือการแต่งกลิ่นรสเป็นมัทฉะ ก็ได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อย ซึ่งสัดส่วนของมัทฉะ ส่วนใหญ่ในไทยจะนำเข้าจากญี่ปุ่นและจีน ซึ่งเป็นประเทศดั้งเดิมที่มีความนิยมในการดื่มชา

 

สำหรับทาง NTSC นั้นมีจำหน่ายสินค้ากลุ่ม Matcha ดังนี้

 

1. Matcha จากเมือง Nishio ประเทศญี่ปุ่น

2. Matcha จากประเทศจีน

3. Matcha Flavour ทั้งแบบ Powder และ Liquid